เห็ด สุดยอดของอาหาร
เห็ด ไม่ใช่ผัก ไม่ใช่ผลไม้ แต่เป็นเชื่อราประเภทหนึ่ง เห็ดกินอร่อยมาก เห็ดบางอย่าง เช่น เห็ดโคน ราคาแพงมาก แต่โดยทั่วไปเช่น เห็ดนางฟ้า ซื้อ-ขายกันได้ในตลาดสดใกล้บ้าน แต่เห็ดบางอย่างมีพิษร้าย กินถึงตามก็มีนะครับ เห็นขึ้นอยู่นึกว่ากินได้ อันนี้ต้องระวังกันหน่อย ถ้าไม่รู้จัก อย่าไปแตะต้องเป็นดีที่สุด
เห็ดแต่ละชนิดมีสารอาหารไม่เท่ากัน แต่โดยทั่วไปแล้ว พบว่าในเห็ดมี วิตามินบี selenium ธาตุเหล็ก และ อื่น ๆ
เห็ดมีสรรพคุณเป็นตัวจัดการอนุมูลอิสระให้สิ้นฤทธิ์ (neutralizing free radicals) ไม่ไปทำลายโมเลกุลที่ดีของร่างกายมนุษย์ให้กลายเป็นอนุมูลอิสระต่อไปได้ ว่ากันไปแล้ว สรรพคุณด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระของเห็ดนี่ ดีกว่าพืชผักอื่น ๆ เช่น แคครอท ถั่ว และมะเขือเทศ เสียอีก ที่ดีก็คือว่า สรรพคุณที่ต้านอนุมูลอิสระนี้ ไม่สูญหายไปในขณะหุงต้ม ถูกความร้อนก็ไม่เป็นไร ว่างั้นเถอะ ไม่เหมือนอาหาร พืชผัก ชนิดอื่น ที่พอได้รับความร้อนก็จะสูญเสียคุณค่าไปมากทีเดียว
เห็ดช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ (Immune system) ถ้าคนเรามีภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง โอกาสที่โรคภัยไข้เจ็บจะมาเยี่ยมเยือนก็น้อยลง หลายคนเชื่อว่า การกินเห็นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ มีการวิจัย พบว่า มะเร็งบางอย่าง เช่น มะเร็งทรวงอก มะเร็งที่ท้อง พบน้อยกว่าในคนที่กินเห็ดมากกว่า ก็แสดงว่า กินเห็ดมาก จะมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อย (ไม่ได้พูดว่าไม่มีโอกาสเป็นมะเร็งนะครับ)
คุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันนี้ แม้ในเห็ดแห้งก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ได้สูญเสียไปเพราะแสงอาทิตย์แต่อย่างใด นี่ดีมาก ๆ เลย
แม้ว่าในเห็ดจะไม่ค่อยมีวิตามินดี แต่ ถ้าถูกแสงอุลตร้าไวโอเล็ด มันจะผลิดวิตามินดีได้เอง วิตามินดี ช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อน (rickets)
นอกจากนี้ เห็ดยังเป็นแหล่งโปรตีน เห็ดมีโปรตีนสูงมาก เป็นรองก็แต่โปรตีนจากถั่วเท่านั้น, ย่อยง่ายกว่าโปรตีนจากพืช โปรตีนในเห็ดนั้นมีองค์ประกอบกรดอะมิโนแอซิดที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ไม่อาจสร้างขี้นมาเองได้ เห็ดให้คาร์โบไฮเดรตสูง แต่ไขมันต่ำมาก มีวิตามินซี,ดี,บี 12,แร่ธาตุอื่นๆโดยเฉพาะโปตัสเซียมและแคลเซียม เหมาะสำหรับเป็นอาหารลดความอ้วน
ประโยชน์ทางการแพทย์ของเห็ดชนิดต่างๆ มีดังนี้
1. เห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง พอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”
2. เห็ดหูหนู เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต
3. เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญ เบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูง
4. เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย
5. เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า และเห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดสามอย่างนี้อยู่ตระฉันลเดียวกัน เจริญเติบโตเป็นช่อๆ คล้ายพัด เห็ดนางรมมีสีขาวอมเทา เห็ดนางฟ้ามีสีขาวอมน้ำตาล ขณะที่เห็ดเป๋าฮื้อจะมีสีคล้ำและเนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์มากกว่า เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และ
โรคกระเพาะ
6. เห็ดฟาง เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ให้วิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล
7. เห็ดหลินจือ นอกจากใช้รับประทานแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์อีกด้วย เพราะมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย รวมทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัส
8. เห็ดเข็มทอง เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง
9. เห็ดโคน ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์
เห็ดมีประโยชน์มาก เห็ด(ส่วนใหญ่)ราคาไม่แพง ทำอาหารได้หลายอย่าง มากินเห็ดกันเถอะ
ข้างล่างนี้ เป็นสูตรอาหารจากเห็ด อร่อย ๆ น่ากินทั้งนั้น
เห็ดนางฟ้าผัดพริก สูตรเจ
เห็ดนางฟ้าผัดกระเพราะกรอบ
ยำเห็ดฟาง
ผัดเผ็ดเห็ดฟาง
ผัดเห็ดฟางใส่หมูสับ
เนื้อผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดฟาง
อ้างอิง
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1393
http://www.pantown.com/board.php?id=10764&area=4&name=board11&topic=42&action=view
http://nutritiondiva.quickanddirtytips.com/are-mushrooms-good-for-you.aspx
เห็ดแต่ละชนิดมีสารอาหารไม่เท่ากัน แต่โดยทั่วไปแล้ว พบว่าในเห็ดมี วิตามินบี selenium ธาตุเหล็ก และ อื่น ๆ
เห็ดมีสรรพคุณเป็นตัวจัดการอนุมูลอิสระให้สิ้นฤทธิ์ (neutralizing free radicals) ไม่ไปทำลายโมเลกุลที่ดีของร่างกายมนุษย์ให้กลายเป็นอนุมูลอิสระต่อไปได้ ว่ากันไปแล้ว สรรพคุณด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระของเห็ดนี่ ดีกว่าพืชผักอื่น ๆ เช่น แคครอท ถั่ว และมะเขือเทศ เสียอีก ที่ดีก็คือว่า สรรพคุณที่ต้านอนุมูลอิสระนี้ ไม่สูญหายไปในขณะหุงต้ม ถูกความร้อนก็ไม่เป็นไร ว่างั้นเถอะ ไม่เหมือนอาหาร พืชผัก ชนิดอื่น ที่พอได้รับความร้อนก็จะสูญเสียคุณค่าไปมากทีเดียว
เห็ดช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ (Immune system) ถ้าคนเรามีภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง โอกาสที่โรคภัยไข้เจ็บจะมาเยี่ยมเยือนก็น้อยลง หลายคนเชื่อว่า การกินเห็นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ มีการวิจัย พบว่า มะเร็งบางอย่าง เช่น มะเร็งทรวงอก มะเร็งที่ท้อง พบน้อยกว่าในคนที่กินเห็ดมากกว่า ก็แสดงว่า กินเห็ดมาก จะมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อย (ไม่ได้พูดว่าไม่มีโอกาสเป็นมะเร็งนะครับ)
คุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันนี้ แม้ในเห็ดแห้งก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ได้สูญเสียไปเพราะแสงอาทิตย์แต่อย่างใด นี่ดีมาก ๆ เลย
แม้ว่าในเห็ดจะไม่ค่อยมีวิตามินดี แต่ ถ้าถูกแสงอุลตร้าไวโอเล็ด มันจะผลิดวิตามินดีได้เอง วิตามินดี ช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อน (rickets)
นอกจากนี้ เห็ดยังเป็นแหล่งโปรตีน เห็ดมีโปรตีนสูงมาก เป็นรองก็แต่โปรตีนจากถั่วเท่านั้น, ย่อยง่ายกว่าโปรตีนจากพืช โปรตีนในเห็ดนั้นมีองค์ประกอบกรดอะมิโนแอซิดที่จำเป็นต่อร่างกาย 9 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ไม่อาจสร้างขี้นมาเองได้ เห็ดให้คาร์โบไฮเดรตสูง แต่ไขมันต่ำมาก มีวิตามินซี,ดี,บี 12,แร่ธาตุอื่นๆโดยเฉพาะโปตัสเซียมและแคลเซียม เหมาะสำหรับเป็นอาหารลดความอ้วน
ประโยชน์ทางการแพทย์ของเห็ดชนิดต่างๆ มีดังนี้
1. เห็ดหอม หรือเห็ดชิตาเกะเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด อีกทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย และมีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง พอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ”
2. เห็ดหูหนู เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้เม็ดเลือดขาวในผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต
3. เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญ เบต้ากลูแคน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง คนญี่ปุ่นมักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูง
4. เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย
5. เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า และเห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดสามอย่างนี้อยู่ตระฉันลเดียวกัน เจริญเติบโตเป็นช่อๆ คล้ายพัด เห็ดนางรมมีสีขาวอมเทา เห็ดนางฟ้ามีสีขาวอมน้ำตาล ขณะที่เห็ดเป๋าฮื้อจะมีสีคล้ำและเนื้อเหนียวหนาและนุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์มากกว่า เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนเลือด และ
โรคกระเพาะ
6. เห็ดฟาง เป็นเห็ดยอดนิยมของคนไทย นิยมเพาะกันบนกองฟางข้าวชื้นๆ โคนมีสีขาว ส่วนหมวกสีน้ำตาลอมเทา หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ให้วิตามินซีสูง และมีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล
7. เห็ดหลินจือ นอกจากใช้รับประทานแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำไปเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์อีกด้วย เพราะมีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย รวมทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัส
8. เห็ดเข็มทอง เป็นเห็ดสีขาว หัวเล็กๆ ขึ้นติดกันเป็นแพ รสชาติเหนียวนุ่ม นำมารับประทานแบบสดๆ ใส่กับสลัดผักก็ได้ ถ้าชอบสุกก็นำไปย่าง ผัดหรือลวกแบบสุกี้ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะ และลำไส้อักเสบเรื้อรัง
9. เห็ดโคน ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์
เห็ดมีประโยชน์มาก เห็ด(ส่วนใหญ่)ราคาไม่แพง ทำอาหารได้หลายอย่าง มากินเห็ดกันเถอะ
ข้างล่างนี้ เป็นสูตรอาหารจากเห็ด อร่อย ๆ น่ากินทั้งนั้น
เห็ดนางฟ้าผัดพริก สูตรเจ
เห็ดนางฟ้าผัดกระเพราะกรอบ
ยำเห็ดฟาง
ผัดเผ็ดเห็ดฟาง
ผัดเห็ดฟางใส่หมูสับ
เนื้อผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดฟาง
อ้างอิง
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1393
http://www.pantown.com/board.php?id=10764&area=4&name=board11&topic=42&action=view
http://nutritiondiva.quickanddirtytips.com/are-mushrooms-good-for-you.aspx
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น