แตงกวา

แตงกวา อาหารที่ทุกคนรู้จัก เป็นพืชผักที่มีมาแต่โบราณ นับพันปี คนอียิปต์ กรีก และโรมัน เคยใช้เป็นสมุนไพรรักษาผิว

แตงกวามีน้ำและเส้นใยอาหาร ถ้ากินประจำจะมีประโยชน์ช่วยชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย ขับปัสสาวะ (diuretic) และเป็นยาระบาย(laxative)สร้างความสมบูรณ์ของร่างกาย ผิวผ่องพรรณ กรด caffeic ในผลแตงกวา ช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนัง และบรรเทาอาการบวม แดง ได้ แตงกวามี แคลอลี่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน

แตงกวาอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แตงกวามีวิตามินซีมาก ช่วยการสร้างเซลล์ สร้างความต้านทานโรค และเป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง

กินแตงกวาควรกินทั้งลูก เพราะผิวของแตงกวามีประโยชน์

ผิวของแตงกวา มีเส้นใยอาหารจำนวนมาก มีโปแตสเซี่ยม ช่วยในเรื่องความดันเลือดสูง และบำรุงหัวใจ นอกจากนี้ ผิวแตงกวา ยังมีแมกนีเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง บำรุงสมอง และมีโมลิบดินัม(Molybdenum)ที่ทำหน้าที่เป็นน้ำย่อย ช่วยย่อยสลายธาตุเหล็ก และไขมัน

ในแตงกวายังมี ซิลิกา (Silica)ซึ่งมีในเนื้อเยื่อเกี่ยวกับพัน(connective tissue)ซึ่งเชื่อมโยงยึดเหนี่ยวอวัยวะและโครงสร้างต่าง ๆ ของร่างกายให้อยู่รวมกัน และ ค้ำจุนร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งของ ผิวหนัง เล็บ ผม กระดูก
เส้นเอ็น ช่วยทำให้ ผมเป็นเงางาม ผิวสวย เล็บแข็งแรง และกระดูกแข็งแรง ซิลิกาจะค่อย ๆ หมดลงเมื่อสูงวัย ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น ดังนั้นแตงกวาจึงมีประโยชน์ในด้านสุขภาพและความงาม

สำหรับผู้หญิงที่รักสวยรักงาม แตงกวาจะช่วยบำรุงผิวพรรณและลบรอยฝ้าได้ เพียงเอาแตงกวาไปล้างให้สะอาด ฝานบางๆ แล้วเอาวางบนหน้าสัก 20 นาทีแล้วล้างออก หรือจะเอาแตงกวาไปปั่น แล้วเอาน้ำที่ได้มาชโลมหน้าไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก เท่านั้นก็จะได้ใบหน้าที่อ่อนนุ่ม แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

แตงกวามีวิตามินเอ ช่วยด้านสายตา และมี โฟเลต (folate) ซึ่งจำเป็นสำหรับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์

จะเห็นว่า แตงกวามีประโยชน์มาก ทั้งด้านทำให้ร่างกายแข็งแรง บำรุงสุขภาพ และความงาม

แตงกวาทำอาหารได้หลายอย่าง กินดิบจิ้มน้ำพริกกะปิก็อร่อย หรือทำยำแตงกวา ก็ไม่เลวนะครับ

การปลูกแตงกวากินเอง จะได้อาหารกินสด ๆ ได้คุณค่าอาหารเต็มที่ ประหยัด เป็นการออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัว และปลูกได้ไม่ยาก ที่สำคัญ คือ รับประทานได้อย่างสนิทใจ เพราะปลูกเอง ปลอดภัยจากสารพิษและยาฆ่าแมลงอย่างแน่นอน

วิธีปลูกแตงกวา

  1. ดินที่เหมาะสมกับการปลูกแตงกวา คือดินร่วนปนทรายหรือว่าดินน้ำไหลทรายมูล (ดินบริเวณที่น้ำท่วมถึงจะเพาะปลูกได้ก็ต่อเมื่อน้ำลดลงแล้ว)
  2. อากาศที่เหมาะสม จะต้องไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไปนัก ถ้าอากาศร้อนเกินไปจะให้ผลผลิตน้อยและมีแมลงรบกวนมาก ถ้าหนาวเกินไปยอดจะหงิกงอไม่เจริญเติบโตเต็มที่
  3. การเตรียมที่เพาะปลูก ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินน้ำไหลทรายมูลจะต้องขุดพลิกดินตากแดดเก็บวัชพืชทิ้งให้หมด



  4. การขุดหลุมควรกว้างอย่างน้อย 6 นิ้ว ลึกประมาณ 3 นิ้ว ก้นหลุมควรย่อยดินให้ละเอียด ระยะห่างระหว่างหลุมและแถว ถ้าพันธุ์ผลเล็ก ควรห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร ถ้าเป็นพันธุ์ผลโต ระยะห่างประมาณ 1 เมตร เมล็ดที่หยอดต่อหลุมประมาณ 20 เมล็ด เมื่อหยอดเมล็ดแล้วควร กลบด้วยขี้เป็ด 1 กำมือ รดน้ำให้โชก เมื่อแตงกวาเริ่มโต รดน้ำเช้า – เย็น รอบ ๆ หลุม



  5. การพรวนดินและใส่ปุ๋ย ทำ 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อแตงอายุได้ 7-10 วัน ครั้งที่ 2 อายุ 15 วัน ครั้งที่ 3 เมื่ออายุได้ 20-24 วัน



  6. เก็บผลครั้งแรกได้เมื่อแตงอายุได้ประมาณ 30 วัน




ว่าง ๆ และถ้ามีที่ดินพอทำสวนครัวได้ มาปลูกแตงกวากันดีกว่า

อ้างอิง
http://www.brighthub.com/health/diet-nutrition/articles/57284.aspx
http://devilbio501.exteen.com/20070717/connective-tissue
http://www.healthcorners.com/2007/article/showHealthTips.php?id=13
http://www.thaismefranchise.com/?p=3420

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อุปมา อุปไมย สำนวนการเปรียบเทียบ ของไทย

ความสามารถทั่วไปด้านเหตุผล การหาความสัมพันธ์จาก ภาพ สัญลักษณ์

แนวข้อสอบ เงื่อนไขสัญลักษณ์