น้ำ รักษาโรค
น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตของมนุษย์ น้ำนอกจากดื่มเพื่อแก้กระหายแล้ว ยังเป็นยาได้ด้วย
นี่ไม่ใช่หมายความว่า ถ้าเป็นโรคแล้วให้ดื่มน้ำมาก ๆ จะหายเองนะครับ เป็นเพียงให้เห็นว่า น้ำนั้นสำคัญ และสามารถช่วยเราได้ ถ้าเจ็บป่วยต้องแนะนำให้ไปหาหมอ มากกว่าหาน้ำดื่มนะครับ คนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนรักษาด้วยวิธีการบางอย่างหาย แต่ไม่สามารถประกันได้ว่า ถ้าใช้วิธีเดียวกันกับอีกคนหนึ่ง จะหายเหมือนกัน ต้องให้แพทย์วินิจฉัยแต่ละราย แต่ละคนไป จึงดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม น้ำ ก็มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก หลักคิดคือ ดื่มน้ำที่สะอาด และดื่มอย่างพอเพียง นะครับ
ในร่างกายคนเรา มีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ในกล้ามเนื้อประกอบด้วยน้ำร้อยละ 75 ในเลือดที่นำพาสารอาหารไปทั่วร่างกาย มีน้ำอยู่ถึงร้อยละ 82 ในปอดของเรามีน้ำอยู่ถึง ร้อยละ 90 ในสมองมีน้ำร้อยละ 76 แม้แต่ในกระดูกก็มีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่ถึง ร้อยละ 25
การดื่มน้ำที่สะอาด และดื่มน้ำอย่างพอเพียง จึงเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการมีสุขภาพดี
น้ำช่วยนำพาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย น้ำทำหน้าที่คล้ายกับกาวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเซลล์ของร่างกายเข้าด้วยกัน น้ำยังช่วยนำพาน้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานของร่างกายอีกด้วย
เมื่อร่างกายขาดน้ำ(dehydrated) จะเกิดกระบวนการปันส่วนน้ำ(water-rationing process)เกิดขึ้นในร่างกาย สมองจะได้รับการปันน้ำก่อนอวัยวะส่วนอื่น จากนั้นจึงถึงคิวไตและตับ และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ดังนั้น การขาดน้ำจึง เชื่อว่า เป็นสาเหตุของโรคหลายอย่าง เช่น โรคหอบหืด (asthma) โรคไขข้อ (arthritis) hyperอาการแน่นหน้าอก (angina) และโรคเบาหวาน เป็นต้น
น้ำ ช่วยรักษาแลป้องกันโรคได้หลายโรค เช่น โรคไขข้อ (arthritis) อาการแน่นหน้าอก (angina) ปวดศีรษะไมเกรน (migraines) ลำไส้ใหญ่บวม (colitis) โรคหอบหืด (asthma) ความดันโลหิตสูง (high blood pressure) น้ำช่วยป้องกันและรักษาโรคเบาหวานระยะต้นได้ และน้ำช่วยลดคอเรสเตอรอล
Peter Ragnar ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอนามัยชาวอเมริกัน เชื่อว่า โรคอัลไซเมอร์(Alzheimer)หรือโรคความจำเสื่อม เกิดจากการที่สมองขาดน้ำ(dehydrated) เป็นเวลานาน Ragnar พูดว่า ถ้าสมองได้รับน้ำลดลงเพียง 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้ความสามารถของคนผู้นั้นลดลงมาก จนกระทั่งจำชื่อเพื่อนไม่ได้ หรือ จำว่าเอากุญแจวางไว้ที่ไหนไม่ได้ !!!
ในแต่ละวัน คนเราสูญเสียน้ำ ประมาณวันละ 4 ลิตร ดังนั้น จึงต้องดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรกว่า หรือ ต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 80 % ของน้ำที่สูญเสียไป (ส่วนน้ำอีก 20 % ได้จากการรับประทานอาหาร)
อย่างปล่อยให้หิวน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะเมื่อมีอาการหิวน้ำ นั่นแสดงว่าร่างกายขาดน้ำแล้ว
คนญี่ปุ่น พบว่าน้ำสามารถรักษาโรคได้หลายอย่าง เช่น ปวดหัว ปวดตามร่างกาย ระบบหัวใจ หัวใจเต้นเร็ว อ้วนมาก วัณโรค ใต โรคเกี่ยวกับปัสสาวะ (urine diseases) ท่้องเสีย เบาหวาน โรคตา โรคริดสีดวงทวาร โรคเกี่ยวกับ หู จมูก และลำคอ เป็นต้น
ที่นำมาเสนอนี่ อย่าเพิ่งเชื่อเสียทีเดียวนะครับ ไปหาหมอเป็นดีที่สุด แต่ก็อย่าเพิ่งปฏิเสธเสียทีเดียว เพราะ คนไทยเราก็เคยมีการพูดเรื่องน้ำใช้รักษาโรคได้เหมือนกัน ลองดูหลาย ๆ ทาง ก็ได้ ไม่เสียหายอะไร แต่ต้องเป็นน้ำสะอาด นะครับ
การใช้น้ำรักษาโรค ตามแนวคิดของคนญี่ปุ่น
1. หลังตื่นนอนในตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว แก้วขนาด 160 ml (แก้วขนาด 160 ml รวม 4 แก้ว ประมาณ ค่อนลิตร หรือ 0.64 ลิตร ถ้าเป็นน้ำดื่มขนาดขวดละ 10 บาท ก็ประมาณขวดกว่า ๆ ถ้าเป็นขนาดใหญ่ ก็ประมาณ ครึ่งขวด)
2. แปรงฟันบ้วนปากตามปกติ แต่ห้ามดื่ม หรือรับประทานอาหารใด ๆ ภายใน 45 นาที หลังจากนั้น จึงรับประทานอาหารตามปกติ
3. หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ห้ามดื่มหรือรับประทานอะไร ภายใน 2 ชั่วโมง
4. สำหรับผู้สูงอายุ หรือเจ็บป่วย ไม่สามารถดื่มน้ำครั้งละ 4 แก้วหลังตื่นนอนได้ ให้เริ่มจากการดื่มทีละน้อย ๆ ไปก่อน และค่อย ๆ เพิ่มจนดื่มได้ครั้งละ 4 แก้ว
ถ้าปฏิบัติได้ดังกล่าว จะทำให้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ให้บรรเทาเห็นผลได้ ตามกำหนด ดังนี้
1. ความดันสูง ภายใน 30 วัน
2. โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ภายใน 10 วัน
3. โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน
4. Constipation ภายใน 10 วัน
เป็นต้น
เขาบอกว่า การดื่มน้ำอย่างนี้ ไม่มีผลข้างเคียง แต่ในตอนแรก ๆ จะทำให้ปัสสาวะบ่อย และถ้าทำเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพดี แข็งแรง
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นความสำคัญของน้ำ
และที่สำคัญที่สุดคือ ดื่มน้ำสะอาด ดื่มน้ำอย่างพอเพียง เป็นการประกันสุขภาพที่ดีได้ หากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ควรปรึกษาหมอให้ช่วยวินิจฉัยเป็นดีที่สุด
อ้างอิง
http://www.unp.me/f150/water-a-medicine-itself-43189/
http://www.watercure.com/
http://www.alternet.org/environment/42559
นี่ไม่ใช่หมายความว่า ถ้าเป็นโรคแล้วให้ดื่มน้ำมาก ๆ จะหายเองนะครับ เป็นเพียงให้เห็นว่า น้ำนั้นสำคัญ และสามารถช่วยเราได้ ถ้าเจ็บป่วยต้องแนะนำให้ไปหาหมอ มากกว่าหาน้ำดื่มนะครับ คนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนรักษาด้วยวิธีการบางอย่างหาย แต่ไม่สามารถประกันได้ว่า ถ้าใช้วิธีเดียวกันกับอีกคนหนึ่ง จะหายเหมือนกัน ต้องให้แพทย์วินิจฉัยแต่ละราย แต่ละคนไป จึงดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม น้ำ ก็มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่างมาก หลักคิดคือ ดื่มน้ำที่สะอาด และดื่มอย่างพอเพียง นะครับ
ในร่างกายคนเรา มีน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ในกล้ามเนื้อประกอบด้วยน้ำร้อยละ 75 ในเลือดที่นำพาสารอาหารไปทั่วร่างกาย มีน้ำอยู่ถึงร้อยละ 82 ในปอดของเรามีน้ำอยู่ถึง ร้อยละ 90 ในสมองมีน้ำร้อยละ 76 แม้แต่ในกระดูกก็มีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่ถึง ร้อยละ 25
การดื่มน้ำที่สะอาด และดื่มน้ำอย่างพอเพียง จึงเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการมีสุขภาพดี
น้ำช่วยนำพาสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย น้ำทำหน้าที่คล้ายกับกาวที่ช่วยยึดเหนี่ยวเซลล์ของร่างกายเข้าด้วยกัน น้ำยังช่วยนำพาน้ำตาลเพื่อเป็นพลังงานของร่างกายอีกด้วย
เมื่อร่างกายขาดน้ำ(dehydrated) จะเกิดกระบวนการปันส่วนน้ำ(water-rationing process)เกิดขึ้นในร่างกาย สมองจะได้รับการปันน้ำก่อนอวัยวะส่วนอื่น จากนั้นจึงถึงคิวไตและตับ และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ดังนั้น การขาดน้ำจึง เชื่อว่า เป็นสาเหตุของโรคหลายอย่าง เช่น โรคหอบหืด (asthma) โรคไขข้อ (arthritis) hyperอาการแน่นหน้าอก (angina) และโรคเบาหวาน เป็นต้น
น้ำ ช่วยรักษาแลป้องกันโรคได้หลายโรค เช่น โรคไขข้อ (arthritis) อาการแน่นหน้าอก (angina) ปวดศีรษะไมเกรน (migraines) ลำไส้ใหญ่บวม (colitis) โรคหอบหืด (asthma) ความดันโลหิตสูง (high blood pressure) น้ำช่วยป้องกันและรักษาโรคเบาหวานระยะต้นได้ และน้ำช่วยลดคอเรสเตอรอล
Peter Ragnar ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอนามัยชาวอเมริกัน เชื่อว่า โรคอัลไซเมอร์(Alzheimer)หรือโรคความจำเสื่อม เกิดจากการที่สมองขาดน้ำ(dehydrated) เป็นเวลานาน Ragnar พูดว่า ถ้าสมองได้รับน้ำลดลงเพียง 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้ความสามารถของคนผู้นั้นลดลงมาก จนกระทั่งจำชื่อเพื่อนไม่ได้ หรือ จำว่าเอากุญแจวางไว้ที่ไหนไม่ได้ !!!
ในแต่ละวัน คนเราสูญเสียน้ำ ประมาณวันละ 4 ลิตร ดังนั้น จึงต้องดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรกว่า หรือ ต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 80 % ของน้ำที่สูญเสียไป (ส่วนน้ำอีก 20 % ได้จากการรับประทานอาหาร)
อย่างปล่อยให้หิวน้ำจึงดื่มน้ำ เพราะเมื่อมีอาการหิวน้ำ นั่นแสดงว่าร่างกายขาดน้ำแล้ว
คนญี่ปุ่น พบว่าน้ำสามารถรักษาโรคได้หลายอย่าง เช่น ปวดหัว ปวดตามร่างกาย ระบบหัวใจ หัวใจเต้นเร็ว อ้วนมาก วัณโรค ใต โรคเกี่ยวกับปัสสาวะ (urine diseases) ท่้องเสีย เบาหวาน โรคตา โรคริดสีดวงทวาร โรคเกี่ยวกับ หู จมูก และลำคอ เป็นต้น
ที่นำมาเสนอนี่ อย่าเพิ่งเชื่อเสียทีเดียวนะครับ ไปหาหมอเป็นดีที่สุด แต่ก็อย่าเพิ่งปฏิเสธเสียทีเดียว เพราะ คนไทยเราก็เคยมีการพูดเรื่องน้ำใช้รักษาโรคได้เหมือนกัน ลองดูหลาย ๆ ทาง ก็ได้ ไม่เสียหายอะไร แต่ต้องเป็นน้ำสะอาด นะครับ
การใช้น้ำรักษาโรค ตามแนวคิดของคนญี่ปุ่น
1. หลังตื่นนอนในตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว แก้วขนาด 160 ml (แก้วขนาด 160 ml รวม 4 แก้ว ประมาณ ค่อนลิตร หรือ 0.64 ลิตร ถ้าเป็นน้ำดื่มขนาดขวดละ 10 บาท ก็ประมาณขวดกว่า ๆ ถ้าเป็นขนาดใหญ่ ก็ประมาณ ครึ่งขวด)
2. แปรงฟันบ้วนปากตามปกติ แต่ห้ามดื่ม หรือรับประทานอาหารใด ๆ ภายใน 45 นาที หลังจากนั้น จึงรับประทานอาหารตามปกติ
3. หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ห้ามดื่มหรือรับประทานอะไร ภายใน 2 ชั่วโมง
4. สำหรับผู้สูงอายุ หรือเจ็บป่วย ไม่สามารถดื่มน้ำครั้งละ 4 แก้วหลังตื่นนอนได้ ให้เริ่มจากการดื่มทีละน้อย ๆ ไปก่อน และค่อย ๆ เพิ่มจนดื่มได้ครั้งละ 4 แก้ว
ถ้าปฏิบัติได้ดังกล่าว จะทำให้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ให้บรรเทาเห็นผลได้ ตามกำหนด ดังนี้
1. ความดันสูง ภายใน 30 วัน
2. โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ภายใน 10 วัน
3. โรคเบาหวาน ภายใน 30 วัน
4. Constipation ภายใน 10 วัน
เป็นต้น
เขาบอกว่า การดื่มน้ำอย่างนี้ ไม่มีผลข้างเคียง แต่ในตอนแรก ๆ จะทำให้ปัสสาวะบ่อย และถ้าทำเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพดี แข็งแรง
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นความสำคัญของน้ำ
และที่สำคัญที่สุดคือ ดื่มน้ำสะอาด ดื่มน้ำอย่างพอเพียง เป็นการประกันสุขภาพที่ดีได้ หากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ควรปรึกษาหมอให้ช่วยวินิจฉัยเป็นดีที่สุด
อ้างอิง
http://www.unp.me/f150/water-a-medicine-itself-43189/
http://www.watercure.com/
http://www.alternet.org/environment/42559
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น