การใช้ INDEX และ MATCH ของ Excel
INDEX ใช้สำหรับแสดงข้อมูล ในช่วงที่ระบุ
MATCH ใช้ค้นหาตำแหน่ง ในช่วงข้อมูลที่ระบุ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
รูปแบบการใช้
INDEX( array, row_num, [ column_num ] )
array คือช่วงข้อมูลที่กำหนด
row_num คือ ตำแหน่งเริ่มต้นลงมากี่แถว ในช่วงที่กำหนด
column_num คือ ตำแหน่งถัดเข้าไปกี่คอลัมน์ ในช่วงที่กำหนด
MATCH( lookup_value, lookup_array, match_type )
lookup_value คือ ข้อมูลที่ต้องการค้นหา
lookup_array คือ ช่วงข้อมูลที่กำหนดให้ค้นหาภายในนี้
match_type คือ ลักษณะการค้นหา มีค่าได้ 3 ค่า คือ 0, +1 และ -1
ถ้าเป็น 0 หมายถึงต้องเหมือนกับข้อมูลที่ต้องการค้นหา
ถ้าเป็น +1 หมายถึง ให้หาข้อมูลที่มากที่สุด ซี่งน้อยกว่าหรือเท่ากับข้อมูลที่กำหนด และต้องเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก เช่น -2 -1 0 1 2 3 หรือ ก - ฮ หรือ A-Z
ถ้าเป็น -1 ให้หาข้อมูลที่น้อยน้อยที่สุด ซึ่งมากกว่าหรือเท่ากับข้อมูลที่กำหนด และต้องเรียงข้อมูลจากมากไปหาน้อย
เมื่อนำมาใช้ด้วยกัน ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ โดยการหาตำแหน่ง ด้วย MATCH เสียก่อน จากนั้น จึงนำมาแสดงด้วยคำสั่ง INDEX
ตัวอย่าง
จากข้อมูลข้างล่าง ให้หาอายุ (B2) และอาชีพ(B3) ของคนที่ระบุในเซลล์ B1
ในเซลล์ B2 เขียนสูตร ดังนี้
=INDEX(E2:G5,MATCH(B1,E2:E5,0),2)
สูตร MATCH(B1,E2:E5,0) เป็นการค้นหาคำว่า สมาน ในช่วง E2 ถึง E5 โดยให้หาคำที่เหมือนกัน (match_type = 0) ซึ่งจะได้ค่าเป็น 1 เพราะคำว่า สมาน อยู่ในตำแหน่งที่ 1
สูตร INDEX (E2:E5, 1, 2) จึงได้ค่าเท่ากับ 30
สำหรับอาชีพ ในเซลล์ B3 ก็เขียนสูตรในทำนองเดียวกัน ดังนี้
=INDEX(E2:G5,MATCH(B1,E2:E5,0),3)
INDEX และ MATCH สามารถนำมาใช้คู่กัน เพื่อค้นหาตำแหน่ง และให้แสดงข้อความหรือข้อมูลตามต้องการได้
MATCH ใช้ค้นหาตำแหน่ง ในช่วงข้อมูลที่ระบุ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
รูปแบบการใช้
INDEX( array, row_num, [ column_num ] )
array คือช่วงข้อมูลที่กำหนด
row_num คือ ตำแหน่งเริ่มต้นลงมากี่แถว ในช่วงที่กำหนด
column_num คือ ตำแหน่งถัดเข้าไปกี่คอลัมน์ ในช่วงที่กำหนด
MATCH( lookup_value, lookup_array, match_type )
lookup_value คือ ข้อมูลที่ต้องการค้นหา
lookup_array คือ ช่วงข้อมูลที่กำหนดให้ค้นหาภายในนี้
match_type คือ ลักษณะการค้นหา มีค่าได้ 3 ค่า คือ 0, +1 และ -1
ถ้าเป็น 0 หมายถึงต้องเหมือนกับข้อมูลที่ต้องการค้นหา
ถ้าเป็น +1 หมายถึง ให้หาข้อมูลที่มากที่สุด ซี่งน้อยกว่าหรือเท่ากับข้อมูลที่กำหนด และต้องเรียงข้อมูลจากน้อยไปหามาก เช่น -2 -1 0 1 2 3 หรือ ก - ฮ หรือ A-Z
ถ้าเป็น -1 ให้หาข้อมูลที่น้อยน้อยที่สุด ซึ่งมากกว่าหรือเท่ากับข้อมูลที่กำหนด และต้องเรียงข้อมูลจากมากไปหาน้อย
เมื่อนำมาใช้ด้วยกัน ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ โดยการหาตำแหน่ง ด้วย MATCH เสียก่อน จากนั้น จึงนำมาแสดงด้วยคำสั่ง INDEX
ตัวอย่าง
จากข้อมูลข้างล่าง ให้หาอายุ (B2) และอาชีพ(B3) ของคนที่ระบุในเซลล์ B1
ในเซลล์ B2 เขียนสูตร ดังนี้
=INDEX(E2:G5,MATCH(B1,E2:E5,0),2)
สูตร MATCH(B1,E2:E5,0) เป็นการค้นหาคำว่า สมาน ในช่วง E2 ถึง E5 โดยให้หาคำที่เหมือนกัน (match_type = 0) ซึ่งจะได้ค่าเป็น 1 เพราะคำว่า สมาน อยู่ในตำแหน่งที่ 1
สูตร INDEX (E2:E5, 1, 2) จึงได้ค่าเท่ากับ 30
สำหรับอาชีพ ในเซลล์ B3 ก็เขียนสูตรในทำนองเดียวกัน ดังนี้
=INDEX(E2:G5,MATCH(B1,E2:E5,0),3)
INDEX และ MATCH สามารถนำมาใช้คู่กัน เพื่อค้นหาตำแหน่ง และให้แสดงข้อความหรือข้อมูลตามต้องการได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น