แนวข้อสอบ วิเคราะห์ข้อมูลตาราง

แนวข้อสอบวิเคราะห์ข้อมูลจากตาราง

ทบทวนแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล ตาราง แผนภูมิ กราฟ ที่ http://www.thongjoon.com/2017/08/blog-post.html

คำสั่ง:ให้ท่านเลือกข้อที่ถูกต้องมากที่สุด

ใช้ข้อมูลในตารางข้างล่างนี้ สำหรับคำถาม ข้อ 1-4
การจำหน่ายรถยนต์ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม

(หน่วย : คัน)   

เดือน	Toyota	Mazda	Honda	Mitsu	Isuzu
ม.ค.	340	64	221	147	104
ก.พ.	570	125	315	102	96
มี.ค.	112	16	118	61	57
เม.ย.	43	8	96	31	84
พ.ค.	165	41	83	24	38

ข้อ 1.

ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม ยอดจำหน่ายของโตโยต้า มีจำนวนมากกว่าอันดับที่ 3 เป็นจำนวนกี่คัน

 

1. 1,000
2. 786
3. 397
4. 851

 

dummy text

วิธีคิด

หาผลรวมการจำหน่ายรถยนต์
ยอดจำหน่ายของโตโยต้า มีจำนวน 1,230 คัน
ยอดจำหน่ายอันดับที่ 3 คือ อีซูซุ มีจำนวน 379 คัน
∴ ยอดจำหน่ายต่างกัน = 1,230 – 379
= 851 คัน

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 4

 

ข้อ 2.

ยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ มากกว่า เดือนพฤษภาคม คิดเป็นร้อยละเท่าไร

 

1. 20%
2. 244%
3. 90%
4. 155%

 

dummy text

วิธีคิด

ยอดจำหน่าย เดือน ก.พ. = 570+125+315+102+96
= 1,208
ยอดจำหน่าย เดือน พ.ค. = 165+41+83+24+38
= 351

จากสูตร
((new_value/original_value)-1)(100)

แทนค่า
= ((1,208/351)-1)(100)
= 244.15%

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

ข้อ 3.

รถยนต์ที่จำหน่ายมากเป็นอันดับ 2 มียอดจำหน่ายโดยเฉลี่ย ประมาณกี่คัน ต่อเดือน

 

1. 50
2. 100
3. 166
4. 256

 

dummy text

วิธีคิด

ยอดจำหน่ายอันดับ 2 คือ Honda จำนวน 833 คัน ในเวลา 5 เดือน
∴ เฉลี่ย จำหน่าย เดือนละ 833/5 = 166.6 คัน

คำตอบ คือ ข้อ 3

 

ข้อ 4.

ถ้า รถโตโยต้า ราคาคันละ 750,000 บาท อยากทราบว่า มูลค่าการจำหน่ายเดือนพฤษภาคม มากกว่าเดือนมีนาคมเป็นจำนวนกี่ล้านบาท

 

1. 10 ล้านบาท
2. 40 ล้านบาท
3. 70 ล้านบาท
4. 100 ล้านบาท

 

dummy text

วิธีคิด

รถ Toyota เดือนพฤษภาคม มากกว่า มีนาคม = 165 – 112
= 53 คัน
ราคา คันละ 750,000 บาท
เป็นเงิน = 53 x 750,000
= 39,750,000
หรือ ประมาณ 40 ล้าน

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

ข้อ 5.

จากตารางข้างต้นข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

 

1. ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม มูลค่าการจำหน่ายของโตโยต้า มากกว่าฮอนด้า
2. ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม จำหน่ายรถยนต์ทั้งหมด ได้มากกว่า 4,000 คัน
3. ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม การจำหน่ายรถยนต์โดยเฉลี่ยประมาณ 712 คันต่อเดือน
4. หากเรียงลำดับจำนวนที่จำหน่ายจากมากไปหาน้อยคือ โตโยต้า มิตซู อีซูซุ และมาสด้า

 

dummy text

วิธีคิด

ระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม
มูลค่าการจำหน่ายของโตโยต้ามากกว่าฮอนด้า
โตโยต้า = 1,230
ฮอนด้า = 833

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 1

 

ใช้ข้อมูลนี้ สำหรับคำถาม ข้อ 6-10

มูลค่าการส่งออกข้าวไทย 4 เดือนแรก ปี 2560

หน่วย: ล้านบาท

ชนิด	ม.ค.	ก.พ.	มี.ค.	เม.ย.
ข้าวขาว	5,175	5,603	5,898	5,388
ข้าวหอมมะลิ	3,117	3,556	3,355	2,469
ข้าวหัก	1,511	1,610	1,765	1,688
ข้าวเหนียว	502	432	373	221
ข้าวนึ่ง	1,887	2,438	2,594	3,347
Total	12,192	13,639	13,985	13,113

ข้อ 6.

มูลค่าการส่งออกข้าวขาว เดือน เมษายน ลดลงจากเดือน มีนาคม ร้อยละเท่าไร

 

1. 4.5
2. 8.6
3. 9.0
4. 10.2

 

dummy text

วิธีคิด

มี.ค. มูลค่าส่งออก = 5,898 บาท
เม.ย. มูลค่าส่งออก = 5,388 บาท

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
((new_value/original_value)-1)(100)

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก
แทนค่าในสูตร
=((53/58)-1)(100)
= -8.62

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

ข้อ 7.

มูลค่าการส่งออกข้าวขาว และข้าวหอมมะลิ ในเดือน มกราคม ต่างกันร้อยละเท่าไร

 

1. 35%
2. 40%
3. 49%
4. 55%

 

dummy text

วิธีคิด

มูลค่าส่งออกข้าวขาว = 5,175 บาท
มูลค่าส่งออกข้าวหอมมะลิ = 3,117 บาท

สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก
แทนค่าในสูตร
=(51)-(31)/((51)+(31))/2 x 100
= 48.7%

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 3

 

ข้อ 8.

มูลค่าการส่งออกข้าวในภาพรวม เดือนใดมีการเปลี่ยนแปลง มากที่สุดเมื่อคิดเป็นร้อยละ

 

1. มกราคม
2. กุมภาพันธ์
3. มีนาคม
4. เมษายน

 

dummy text

วิธีคิด

ดูการเปลี่ยนแปลง ต้องเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า
เดือนมกราคม ไม่มีข้อมูลการเปรียบเทียบ จึงไม่สามารถคำนวนได้

การนำตัวเลขมาคำนวน ให้ตัดตัวเลขออก 2 หลัก เพื่อให้คิดเร็วขึ้น

เดือน ก.พ. เปลี่ยนแปลง = ((121/136)-1)(100) = 12.3
เดือน มี.ค. เปลี่ยนแปลง = ((139/121)-1)(100) = 2.2
เดือน เม.ย. เปลี่ยนแปลง = ((131/136)-1)(100) = -5.7

จะเห็นว่า เดือน ม.ค.-ก.พ. มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

คำตอบคือ ข้อ 2

 

ข้อ 9.

มูลค่าการส่งออกข้าวหอมมะลิ ในเดือน เมษายน มีการเปลี่ยนแปลง ร้อยละเท่าไร

 

1. ลดลง 24%
2. ลดลง 26.4%
3. ลดลง 31.4%
4. ลดลง 37%

 

dummy text

วิธีคิด

มี.ค. มูลค่าส่งออก = 3,355 บาท
เม.ย. มูลค่าส่งออก = 2,469 บาท

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
((new_value/original_value)-1)(100)

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก
แทนค่าในสูตร
=((24/33)-1)(100)
= -27.2
ตัวเลือกคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ข้อ 2

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

ข้อ 10.

มูลค่าการส่งออก ข้าวขาว ในเดือน เมษายน คิดเป็นร้อยละเท่าไรของ มูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด ในเดือนเดียวกัน

 

1. 50.3%
2. 61.8%
3. 72.5%
4. 83.5%

 

dummy text

วิธีคิด

มูลค่าส่งออกข้าวขาว = 5,175 บาท
มูลค่าส่งออกข้าวทั้งหมด = 13,113 บาท

สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก
แทนค่าในสูตร
=(5)-(13)/((5)+(13))/2 x 100
= -88.8%
คำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด คือ ข้อ 4

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 4

 

ดาวน์โหลด App สอบ ก.พ. สำหรับ Android ฟรี ที่ Play Store

• ตามหลักสูตร ก.พ. ใหม่
• มีแนวข้อสอบ มากกว่า 1,000 ข้อ
• มีเฉลยอย่างละเอียด มีคำอธิบายทุกข้อ
• มีสรุปและเทคนิคการทำข้อสอบ
• มีชุดข้อสอบให้ลองทำ พร้อมจับเวลา

คลิกที่ปุ่มเพื่อไปดาวน์โหลด

ใช้ข้อมูลนี้ สำหรับคำถาม ข้อ 11-15

ปริมาณการส่งออกข้าวไทย 4 เดือนแรก ปี 2560

หน่วย: เมตริกตัน

ชนิด	ม.ค.	ก.พ.	มี.ค.	เม.ย.
ข้าวขาว	408,506	441,076	466,107	425,238
ข้าวหอมมะลิ	123,740	146,785	137,801	101,597
ข้าวหัก	119,149	116,304	127,499	130,198
ข้าวเหนียว	22,438	18,383	15,229	9,020
ข้าวนึ่ง	145,500	187,167	202,951	266,033
Total	819,333	909,715	949,587	932,086

ข้อ 11.

มูลค่าการส่งออกข้าวหัก เดือนเมษายน มีอัตราการเปลี่ยนแปลง ร้อยละเท่าไร

 

1. 2.1%
2. 3.5%
3. 4.8%
4. 5.2%

 

dummy text

วิธีคิด

มูลค่าการส่งออกข้าวหัก เดือนมีนาคม = 127,499
มูลค่าการส่งออกข้าวหัก เดือนเมษายน = 130,198

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
((new_value/original_value)-1)(100)

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก
แทนค่าในสูตร
=((130/127)-1)(100)
= 2.36
ตัวเลือกคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ข้อ 1

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 1

 

ข้อ 12.

ปริมาณการส่งออกข้าวหอมมะลิ และข้าวหัก เดือน ม.ค.-เม.ย. ต่างกัน ร้อยละเท่าไร

 

1. 1.2%
2. 2.1%
3. 3.4%
4. 4.5%

 

dummy text

วิธีคิด

ข้าวหอมมะลิ เดือน ม.ค.-เม.ย. ส่งออก = 123+146+137_101 = 507
ข้าวหัก ดือน ม.ค.-เม.ย. ส่งออก = 119+116+127+130 = 492

หาความแตกต่าง ระหว่าง 2 จำนวน ต้องเปรียบเทียบ กับ ค่าเฉลี่ยของผลรวมของทั้งสองจำนวน

สูตร
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

แทนค่า
507-492/(507+492)/2 x 100
= 3.04
ใกล้เคียงกับ ข้อ 3 มากที่สุด

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 3

 

ข้อ 13.

ปริมาณการส่งออก ข้าวนึ่งเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. ร้อยละเท่าไร

 

1. 2.56%
2. 6.35%
3. 8.43%
4. 10.23%

 

dummy text

วิธีคิด

ปริมาณการส่งออก ข้าวนึ่งเดือน ก.พ. = 187,167
ปริมาณการส่งออก ข้าวนึ่งเดือน มี.ค.. = 202,951

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
((new_value/original_value)-1)(100)

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก (เกิน 5 ปัดขึ้น 1)
แทนค่าในสูตร
=((203/187)-1)(100)
= 8.55%
ตัวเลือกคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ข้อ 3

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 3

 

ข้อ 14.

ปริมาณการส่งออกข้าวขาว เดือนใดมีการเปลี่ยนแปลง มากที่สุดเมื่อคิดเป็นร้อยละ

 

1. มกราคม
2. กุมภาพันธ์
3. มีนาคม
4. เมษายน

 

dummy text

วิธีคิด

ดูการเปลี่ยนแปลง ต้องเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า
เดือนมกราคม ไม่มีข้อมูลการเปรียบเทียบ จึงไม่สามารถคำนวนได้

การนำตัวเลขมาคำนวน ให้ตัดตัวเลขออก 2 หลัก(ปัดขึ้นด้วยถ้าเกินครึ่ง) เพื่อให้คิดเร็วขึ้น

เดือน ก.พ. เปลี่ยนแปลง = ((441/409)-1)(100) = 7.8
เดือน มี.ค. เปลี่ยนแปลง = ((466/441)-1)(100) = 5.6
เดือน เม.ย. เปลี่ยนแปลง = (425/466)-1)(100) = -8.7

จะเห็นว่า เดือน เม.ย. มีความเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

คำตอบคือ ข้อ 4

 

ข้อ 15.

ปริมาณการส่งออกข้าวหักและข้าวนึ่ง ในระหว่างเดือน มีนาคมและเดือนเมษายน เป็นอย่างไร

 

1. การส่งออกข้าวหัก น้อยกว่าข้าวนึ่ง ประมาณ 45%
2. การส่งออกข้าวหัก น้อยกว่าข้าวนึ่ง ประมาณ 58%
3. การส่งออกข้าวหัก น้อยกว่าข้าวนึ่ง ประมาณ 75%
4. การส่งออกข้าวหัก น้อยกว่าข้าวนึ่ง ประมาณ 82%

 

dummy text

วิธีคิด

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 2 หลัก พร้อมทั้งปัดขึ้นเมื่อเกินครึ่ง
มูลค่าส่งออกข้าวหัก = 127+130 = 257
มูลค่าส่งออกข้าวนึ่ง = 203+266 = 469

สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

แทนค่าในสูตร
=(257)-(469)/((257)+(469))/2 x 100
= -58.4%
คำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด คือ ข้อ 2

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

เปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยว รายไตรมาส ปี 2560-2561

หน่วย 1: ล้าน คน

ไตรมาส	2560	2561	△%
1	10.50	12.15	15.71
2	10.55	??	9.00
3	9.45	12.45	??
4	12.52	??	15.81
รวม	??	50.60	17.62

ข้อ 16.

อัตราการเพิ่มขึ้น ของนักท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 3 ปี 2561 คิดเป็นร้อยละเท่าไร

 

1. 24.09
2. 27.39
3. 31.75
4. 35.45

 

dummy text

วิธีคิด

จำนวนนักท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 = 9.45 ล้านคน
จำนวนนักท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 3 ปี 2560 = 12.45 ล้านคน

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
((new_value/original_value)-1)(100)

เพื่อให้คำนวนได้เร็วขึ้น ควรตัดตัวเลขออก 1 หลัก (เกิน 5 ปัดขึ้น 1)
ถ้าตัดออก 2 หลัก อาจจะหยาบเกินไป
แทนค่าในสูตร
=((125/95)-1)(100)
= 31.5
ตัวเลือกคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ข้อ 3

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 3

 

ข้อ 17.

จำนวนนักท่องเที่ยว ไตรมาสที่ 2 ปี 2561 มีประมาณกี่คน

 

1. 11.50 ล้านคน
2. 12.70 ล้านคน
3. 14.59 ล้านคน
4. 15.45 ล้านคน

 

dummy text

วิธีคิด

เราทราบ อัตราการเปลี่ยนแปลง จำนวนเดิมหรือ original value โจทย์ต้องการทราบ จำนวนปัจจุบัน หรือ new value
ดังนั้น จึงสามารถใช้สูตรได้

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
△% = ((new_value/original_value)-1)(100)

แทนค่าในสูตร
9.00 = ((X/10.55)-1)(100)
X = ((9*10.55)/100)+10.55
X = 11.49 หรือ 11.50 ล้านคน

คำตอบคือ ข้อ 1

 

ข้อ 18.

นักท่องเที่ยวในปี 2560 มากกว่า หรือน้อยกว่า ปี 2559 คิดเป็นร้อยละเท่าไร

 

1. น้อยกว่า คิดเป็นร้อยละ 17.62
2. มากกว่า คิดเป็นร้อยละ 17.62
3. น้อยกว่า คิดเป็นร้อยละ 43.02
4. ข้อมูลไม่เพียงพอในการคำนวน

 

dummy text

วิธีคิด

เครื่องหมาย △% คือ ร้อยละแสดงความเปลี่ยนแปลง ค่าเป็นบวก แสดงว่า ปี 2561 มากกว่า ปี 2560 ร้อยละ 17.62

คำตอบ คือ ข้อ 2

 

ข้อ 19.

อัตราส่วนของนักท่องเที่ยว ในปี 2560:ปี2561 ในไตรมาสใด มีอัตราส่วนเป็น 3:4

 

1. ไตรมาสที่ 1
2. ไตรมาสที่ 2
3. ไตรมาสที่ 3
4. ไตรมาสที่ 4

 

dummy text

วิธีคิด

การหาอัตราส่วนของ เลข 2 จำนวน ให้นำ ห.ร.ม. มาหาร (ห.ร.ม. ของเลข 2 จำนวน คือ ตัวเลขที่มากที่สุด ที่สามารถหารตัวเลขทั้งสองตัว ได้ลงตัวพอดี ไม่มีเศษ) เช่น

ห.ร.ม. ของ 2 และ 8 คือ 2
วิธีการหา ห.ร.ม.
2 = 2x1
8 = 2x2x2
∴ห.ร.ม. คือ 2

จงหา ห.ร.ม. ของ 4 และ 12
4 = 2x2
12 = 2x2x3
∴ห.ร.ม. คือ 2x2 = 4

ในการหาคำตอบต้องหาอัตราส่วน ทีละไตรมาส โดยเอามาเฉพาะตัวเลขจำนวนเต็ม ก็พอ ดังนี้

ไตรมาสที่ 1
10:12
ห.ร.ม. ของ 10 และ 12 คือ 2
(10/2):(12/2)
∴อัตราส่วนคือ 5:6

ไตรมาสที่ 2
10:11
ห.ร.ม. ของ 10 และ 11 คือ 1
(10/1):(11/1)
∴อัตราส่วนคือ 10:11

ไตรมาสที่ 3
9:12
ห.ร.ม. ของ 9 และ 12 คือ 3
(9/3):(12/3)
∴อัตราส่วนคือ 3:4

ไตรมาสที่ 4
12:14
ห.ร.ม. ของ 12 และ 14 คือ 2
(12/2):(14/2)
∴อัตราส่วนคือ 6:7

คำตอบ คือ ข้อ 3

 

ข้อ 20.

จำนวนนักท่องเที่ยว ในปี 2560 และปี 2561 ต่างกันประมาณ ร้อยละเท่าไร

 

1. 5.61
2. 8.50
3. 16.19
4. 20.50

 

dummy text

วิธีคิด

หาจำนวนนักท่องเที่ยว ในปี 2560 โดยประมาณ แล้วจึงเข้าสูตร หาความแตกต่าง

จำนวนนักท่องเที่ยว ปี 2560 = 11+11+9+13 = 44 ล้านคน

จำนวนนักท่องเที่ยว ปี 2561 = 51 ล้านคน(ปัดขึ้น)

สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

แทนค่าในสูตร
=(44)-(51)/((44)+(51))/2 x 100
= -14.7%
คำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด คือ ข้อ 3

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 3

 

อัตราการใช้ปุ๋ยเคมี ในภาคต่างๆ ระหว่างปี พ.ศ. 2559 – 2561

ภาค	2559	2560	2561	△%
เหนือ	140,210	167,350	170,927	??
อีสาน	153,230	189,120	195,342	3.28
กลาง	434,250	563,430	590,783	??
ใต้	130,350	215,760	226,727	5.08
รวม	??	??	??	??

ข้อ 21.

ปี 2561 ภาคเหนือใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ้น ร้อยละเท่าไร

 

1. 2.14%
2. 5.25%
3. 6.23%
4. 2560 และ 10.55%

 

dummy text

วิธีคิด

ปี 2560 ภาคเหนือใช้ปุ๋ย = 167,350
ปี 2561 ภาคเหนือใช้ปุ๋ย = 170,927

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
△% = ((new_value/original_value)-1)(100)

แทนค่าในสูตร
△% = ((171/167)-1)(100)
= 2.39%
ได้ค่าใกล้เคียงกับตัวเลือกข้อ 1 มากที่สุด

คำตอบ คือ ข้อ 3

 

ข้อ 22.

ภาคใด ใช้ปุ๋ยมากที่สุด

 

1. ภาคเหนือ
2. ภาคอีสาน
3. ภาคกลาง
4. ภาคใต้

 

dummy text

เพื่อการคำนวนที่รวดเร็ว ควรตัดตัวเลขออก 3 หลัก

ภาคเหนือ ใช้ปุ๋ย = 140 +167 +171 = 478
ภาคอีสาน ใช้ปุ๋ย = 153 +189 +195 = 537
ภาคกลาง ใช้ปุ๋ย = 434 +563 +591 = 1,588
ภาคใต้ ใช้ปุ๋ย = 130 +216 +227 = 573

∴ ภาคกลาง ใช้ปุ๋ยมากที่สุด

คำตอบ คือ ข้อ 3

 

ข้อ 23.

ภาคเหนือและภาคใต้ ใช้ปุ๋ยต่างกันร้อยละเท่าไร

 

1. 16.57
2. 17.94%
3. 19.87%
4. 20.23%

 

dummy text

วิธีคิด

ใช้ผลการคำนวนการใช้ปุ๋ย จากข้อที่แล้ว
ภาคเหนือ ใช้ปุ๋ย 478
ภาคใต้ ใช้ปุ๋ย 573
สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

แทนค่าในสูตร
=(478)-(573)/((478)+(573))/2 x 100
= -18.07%
คำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด คือ ข้อ 2 (17.94)

ตัวเลือกที่ถูกคือ ข้อ 2

 

ข้อ 24.

ปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี ของภาคเหนือและภาคกลาง ในปีใด ที่มีอัตราส่วน ใกล้เคียงกับ 1 : 3 มากที่สุด

 

1. 2559
2. 2560
3. 2561
4. 2560 และ 2561

 

dummy text

วิธีคิด

ต้องทำ อัตราส่วน ให้เป็นเศษส่วน และแปลงเป็น ทศนิยม แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกัน

1:3 = 1/3 = 0.33

ปี 2559 ภาคเหนือ: ภาคกลาง = 140:434 = 140/434 = 0.32

ปี 2560 ภาคเหนือ: ภาคกลาง = 167:563 = 167/563 = 0.29

ปี 2561 ภาคเหนือ: ภาคกลาง = 171:591 = 171/591 = 0.28

∴ ปี 2559 ใกล้เคียงกับอัตราส่วน 1:3 มากที่สุด
(0.32 มีค่าใกล้กับ 0.33 มากกว่าตัวเลือกข้ออื่น ๆ)

คำตอบคือ ข้อ 1

 

ข้อ 25.

ในปี 2561 อัตราการใช้ปุ๋ยเคมี ของภาคใต้คิดเป็นร้อยละเท่าใรของปริมาณการใช้ปุ๋‰ยเคมี ทั้งหมด

 

1. 9.30%
2. 12.25%
3. 15.45%
4. 19.15%

 

dummy text

วิธีคิด

ปี 2561 ทุกภาคใช้ปุ๋ย รวม = 171 + 195 + 591 + 227 = 1,184
ปี 2561 ภาคใต้ ใช้ปุ๋ย = 227

227 คิดเป็นร้อยละ ของ 1,184 = 227 x 100/1,184 = 19.17

คำตอบข้อ 4 ใกล้เคียงที่สุด

คำตอบคือ ข้อ 4

 

มูลค่าการส่งออก สินค้าที่สำคัญของประเทศไทย ระหว่าง 2552-2561

หน่วย 1: ล้านบาท

ปี	ข้าว	ยาง	ดีบุก	ข้าวโพด
2552	22,510	9,490	7,883	8,330
2553	20,157	11,787	5,469	8,486
2554	25,939	13,001	5,431	10,050
2555	22,256	13,576	5,462	7,609
2556	20,315	15,116	2,929	9,176
2557	22,702	19,848	2,257	3,849
2558	33,044	27,132	3,113	3,810
2559	44,803	26,450	2,394	3,801
2560	27,257	23,557	2,018	4,142
2561	29,559	26,384	934	3,913

ข้อ 26.

ระหว่างปี 2552 – 2554 มูลค่าสินค้าส่งออกชนิดใดที่มีอัตราเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

 

1. ข้าว
2. ยาง
3. ดีบุก
4. ข้าวโพด

 

dummy text

วิธีคิด

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
△% = ((new_value/original_value)-1)(100)

แทนค่าในสูตร
(ปี 2552 และ 2554)

ข้าว = ((25/22)-1)(100) = 13.6

ยาง = ((130/95)-1)(100) = 36.8

ดีบุก = ((54/78)-1)(100) = -30.7

ข้าวโพด = ((101/83)-1)(100) = 21.6

คำตอบคือ ข้อ 2

 

ข้อ 27.

ในปี 2558 อัตราส่วนมูลค่าส่งออก โดยประมาณ ของ ข้าว : ยาง : ข้าวโพด คือข้อใด

 

1. 11:9:1
2. 12:8:2
3. 15:10:3
4. 16:11:5

 

dummy text

วิธีคิด

ให้ตัดตัวเลขออก 3 หลัก จะได้ ข้อมูล ปี 2558 คือ
ข้าว:ยาง:ข้าวโพด = 33:27:3
เอา 3 (ห.ร.ม.) มาหาร จะได้
11:9:1

คำตอบที่ถูกคือ ข้อ 1

 

ข้อ 28.

ปี 2561 มูลค่าการส่งออกยาง มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ร้อยละเท่าไร

 

1. 12%
2. 15%
3. 18%
4. 20%

 

dummy text

วิธีคิด

ปี 2560 มูลค่าการส่งออกยาง = 23,557
ปี 2561 มูลค่าการส่งออกยาง = 26,384

สูตรการหาการเปลี่ยนแปลง(△%) คือ
△% = ((new_value/original_value)-1)(100)

แทนค่าในสูตร
△% = ((24/26)-1)(100) = 8.3

ค่าใกล้เคียงกับ 12% มากที่สุด

คำตอบคือ ข้อ 1

 

ข้อ 29.

ปี 2561 มูลค่าการส่งออกข้าวและยาง มีมูลค่าต่างกัน ร้อยละเท่าไร

 

1. 3.35%
2. 9.12%
3. 11.35%
21.38%

 

dummy text

วิธีคิด

ปี 2561 ส่งออกข้าว = 29,559 บาท
ปี 2561 ส่งออกยาง = 26,384 บาท

สูตรการหาความต่าง คือ
(จำนวนที่ 1)-(จำนวนที่ 2)/((จำนวนที่ 1)+(จำนวนที่ 2))/2 x 100

แทนค่าในสูตร
=(30)-(26)/((30)+(26))/2 x 100
= 14.2%
คำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด คือ ข้อ 3 (11.35%)

คำตอบคือ ข้อ 3

 

ข้อ 30.

มูลค่าเฉลี่ยต่อปี การส่งออกข้าวระหว่าง 2558-2561 ประมาณกี่ล้านบาท

 

1. 33.25 ล้านบาท
2. 332.50 ล้านบาท
3. 3,325 ล้านบาท
4. 33,250 ล้านบาท

 

dummy text

วิธีคิด

ตัดตัวเลขออก 3 หลัก นำมารวมกันแล้วหารด้วย 3

33+44+27+29 = 133
133/4 = 33.25
เราตัดตัวเลขออก 3 หลัก เมื่อได้คำตอบจึงต้องคูณด้วย 1,000 เพื่อจะได้ค่าเท่าเดิม
33.25x1000 = 33,250 ล้านบาท

คำตอบคือ ข้อ 4